ที่มาของความขัดแย้ง
by นภัสกร ศาสตร์ยังกุล

แต่ก่อนนั้นคนทั่วไปเชื่อว่า ความขัดแย้ง เป็นเรื่องไม่ดีนัก ความขัดแย้งจึงเป็นสิ่งที่ผู้คนอยากที่จะหลีกเลี่ยงหลีกหนีกัน แต่ในปัจจุบันกลับมองว่า ความขัดแย้งก็มีข้อดีสำหรับการทำงาน มีผลดีสำหรับกลุ่ม ซึ่งความขัดแย้งนี้สามารถนำไปปรับใช้ให้เกิดประโยชน์ได้
แล้วความขัดแย้งนั้นมาจากไหน??
เราสามารถสรุปได้ว่าความขัดแย้งเกิดมาจากรากฐานดังต่อไปนี้

การแข่งขัน
ว่ากันตามหลักจิตวิทยาว่ามนุษย์มีพฤติกรรมที่ชอบการแข่งขันมากกว่าจะร่วมมือกัน (จาก Learned Needs Theory หรือหลักทฤษฎีความต้องการการเรียนรู้ ของ เดวิด ซี แมคเคิลแลนด์ ที่กล่าวถึงพฤติกรรมหนึ่งของมนุษย์ ที่ประกอบด้วยความต้องการต่างๆ ทั้งทางด้านอำนาจ ความผูกพัน และความสำเร็จ) เช่นที่เห็นได้ในสังคมอย่าง แข่งกันเบียดขึ้นรถไฟฟ้า แข่งกันขายสินค้า แข่งกันทำยอดขายให้บริษัท หรือแม้แต่เด็กๆ แข่งกันตอบคำถามคุณครู ฯลฯ
แต่การแข่งขันก็มีเงื่อนไขขึ้นอยู่กับปัจจัยอีกหลายอย่าง เช่น คุณค่าของรางวัลที่ได้รับ, บุคลิกภาพของบุคคล, ความสัมพันธ์, ความสามัคคีของกลุ่มและบุคคล, ข้อได้เปรียบที่จะใช้แข่งขัน เป็นต้น

การแบ่งปันทรัพยากร
อีกปัญหาโลกแตกประการหนึ่งในความขัดแย้งของกลุ่มที่ไม่รู้จะแบ่งสรรปันส่วนทรัพยากรกันอย่างไรดี ซึ่งประเภทของการแบ่งทรัพยากรแบ่งได้เป็น 4 แบบคือ
- Equity norm (ทำมากได้มาก ทำน้อยได้น้อย)
- Equality norm (ได้เท่ากันหมด)
- Power norm (อำนาจมากได้มาก)
- Need norm (ใครอยากได้มากก็ได้มาก)
แต่ปัญหาก็คือ...แน่นอนว่าทุกคนในกลุ่มคงไม่มีความคิดเห็นตรงกันหมด ซึ่งสมาชิกของกลุ่มจะต้องตกลงกันว่าจะใช้การแบ่งทรัพยากรแบบใดถึงจะให้เป็นที่พอใจแก่ส่วนรวม ไม่เกิดความขัดแย้งขึ้นนั่นเอง

อำนาจ
เรื่องของอำนาจมักไม่เข้าใครออกใครในยุคนี้ เมื่อคนเริ่มมีอำนาจเหนือคนอื่น ก็มักมีแนวโน้มที่จะดูแลแต่พวกของตนเอง เกิดการลำเอียงขึ้น และอาจเกิดการเอาเปรียบอีกฝ่ายที่มีอำนาจน้อยกว่า ซึ่งฝ่ายที่มีอำนาจน้อยกว่าอาจเริ่มต่อต้าน หาพรรคหาพวกขึ้นและอาจเกิดการปฏิวัติหรือก่อกบฏได้ ตัวอย่างเช่น การปฏิวัติในฝรั่งเศส หรือตัวอย่างที่ใกล้ๆ ตัวก็คือเรื่องของการเมืองไทยนี่เอง

การตัดสินใจ
การตัดสินใจเป็นความขัดแย้งที่เกิดจากการทำงานร่วมกันของกลุ่ม ซึ่งเกิดจากความคิดเห็นหรือการตีความในการทำงานที่ไม่ตรงกัน ความขัดแย้งนี้แม้ว่าจะทำให้งานกลุ่มประสบความสำเร็จหรือพัฒนาไปในทางที่ดีได้แต่ก็อาจทำไปสู่ความขัดแย้งส่วนตัวได้เช่นกัน
ปัจจัยส่วนบุคคล
ปัจจัยส่วนบุคคล หรือที่เรียกกันภาษาชาวบ้านๆ ให้เข้าใจง่ายขึ้นอีกหน่อยคือ อคติ ซึ่งตัวอคติที่มีอยู่ในตัวบุคคลนี่เองนี่ทำให้เกิดความขัดแย้งขึ้นได้ เช่น ไม่ชอบหน้าสมาชิกในกลุ่ม หมั่นไส้คนอื่นๆ เอาแต่ใจตัวเอง ไม่มีระเบียบ สื่อสารไม่เป็น ไม่สุภาพ ไม่ยอมใคร เป็นกบในกะลา โดยทัศนคติของบุคคลแบ่งได้เป็น 4 แบบคือ
- I'm good. You are good. (มองว่าทุกคนดีหมด)
- I'm good. You are bad. (มองว่าตัวเองดีแต่คนอื่นไม่ดี)
- I'm bad. You are good. (มองว่าตัวเองไม่ดีแต่คนอื่นดี)
- I'm bad. You are bad. (มองว่าไม่มีใครดีสักคน)
ที่มา : http://kimmus.multiply.com/journal
http://www.novabizz.com/NovaAce/Relationship/Conflict_Management.htm
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น